บทเรียนการแข่งจักรยานจากมือโปร ที่จะช่วยพัฒนาฝีมือของเราให้ดีขึ้น

สำหรับใครที่ชื่นชอบในกีฬาการปั่นจักรยาน และกำลังซุ่มซ้อมเพื่อพัฒนาตนเองไปสู่การแข่งขันจักรยานในรายการสำคัญ ๆ ไม่ควรจะพลาดบทความนี้ เพราะครั้งนี้ เราจะนำเทคนิคที่น่าสนใจของนักกีฬาปั่นจักรยานอาชีพ 3 คน จากทีม Movistar นั่นคือ หลุยส์ แมส, เยอร์เกน โรแลนท์และ แดนเนียล เบนนาต ทั้ง 3 คนนี้จะมาถ่ายทอดประสบการณ์จากการแข่งขันในหลากหลายรายการสุดหฤโหดให้พวกเราได้รับรู้ และนำเทคนิคไปใช้พัฒนาตนเอง มีอะไรน่าสนใจกันบ้างไปดูกันเลยเถอะ

น้ำหนักตัว ความกังวลที่ต้องไม่กังวล

เชื่อว่านักปั่นจักรยานหลายคนรู้สึกกังวลกับรูปร่างและขนาดของตนเองไม่น้อย เพราะการมีน้ำหนักตัวมากก็จะเป็นอุปสรรคเหมือนกันกับการแข่งจักรยานบางประเภท อย่างในประเภทที่จะต้องขึ้นเขา นักปั่นที่มีน้ำหนักตัวหรือขนาดตัวที่ใหญ่ บางคนมีมัดกล้าม ก็จะเป็นอุปสรรคอยู่ไม่น้อย เพราะจะสวนทางกับแรงโน้มถ่วงโลกทำให้ จะต้องออกแรงมากขึ้นในการแข่ง ซึ่งในเรื่องนี้มืออาชีพทั้ง 3 คนก็มีความเห็นคล้าย ๆ กัน ก็คือ เรื่องน้ำหนักตัวเป็นเรื่องสำคัญและเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อการแข่งขันก็จริง แต่พวกเขาแนะนำว่า ไม่ควรไปซีเรียสกับเรื่องนี้มากนัก หากต้องการก้าวไปสู่การเป็นนักปั่นอาชีพ

การที่ทั้ง 3 ให้ความเห็นออกมาแบบนี้ เพราะพวกเขาบอกว่า นักปั่นแต่ละประเภทใช้เทคนิคที่ต่างกัน อีกทั้งเรื่องของรูปร่างและน้ำหนักตัวนั้นเป็นปัญหาด้านโครงสร้างของมนุษย์ด้วย บางคนเกิดมาโครงสร้างใหญ่ตัวใหญ่แต่กำเนิดจะลดน้ำหนักอย่างไรมันก็ไม่ได้ช่วยอะไร แถมยังทำให้เราขาดพลังจากกล้ามเนื้อที่จะมาปั่นในระยะยาวด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงอยากแนะนำให้พวกเรารู้ว่าจะต้องรู้จักหาจุดสมดุลในเรื่องนี้ ว่าน้ำหนักตัวเราเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมกับประเภทการแข่งที่เราสนใจ

ใครว่านักปั่นมืออาชีพซ้อมหนักกันทุกวัน

ในความเข้าใจของคนส่วนใหญ่มักจะคิดกันว่า นักกีฬาหรือนักจักรยานอาชีพ ที่ผ่านรายการหิน ๆ ระดับโลกมาแล้ว คงจะต้องซ้อมปั่นกันหนักหน่วงแน่นอนและคงต้องซ้อมกันทุกวันด้วย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่แบบนั้นเลย มืออาชีพทั้ง 3 คนนั้นฝึกซ้อมปั่นสัปดาห์ละ 3-4 วันเท่านั้น ซึ่งในแต่ละวันก็จะซ้อมกันอยู่ที่ประมาณ 4 – 5 ชั่วโมง ส่วนวันอื่น ๆ พวกเขาจะพักผ่อน ทำกิจกรรมทั่วไป อาจมีบางคนเพิ่มมา 1 วันสำหรับการออกกำลังกายแบบอื่น ๆ เพื่อพัฒนาทักษะร่างกาย ซึ่งรวม ๆ เวลาในการออกกำลังกายใน 1 สัปดาห์ก็อยู่ที่ประมาณ 25-30 ชั่วโมงเท่านั้นเอง ตรงนี้ชี้ให้เห็นว่าการเป็นมืออาชีพไม่จำเป็นที่จะต้องซ้อมทุกวันจนร่างกายพังก็ได้

สิ่งที่นำมาถ่ายทอดกันในครั้งนี้เป็นประสบการณ์ของมืออาชีพในการแข่งจักรยานที่พวกเขาผ่านมา ซึ่งทำให้พวกเราได้เห็นว่า อะไรที่ตึงเกินไปหรือหย่อนเกินไปล้วนไม่ส่งผลดีต่อการแข่งขัน ทั้ง 3 คนจะมีสิ่งที่เหมือน ๆ กันก็คือ จุดสมดุล พวกเขารู้จักหาความพอดีของตนเอง และนี่แหละคือเคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณไปสู่การเป็นนักปั่นมืออาชีพได้

เครดิตภาพ :